The Ultimate Guide To เศรษฐกิจโลก 1000 ปี

อย่างไรก็ตามหากมองจำนวนหัวจ่ายและจำนวนรถที่มีอยู่ ถือว่ายังเพียงพอ รองรับลูกค้าในช่วงวันปกติได้ แต่กรณีที่เป็นวันหยุดยาว วันหยุดเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ที่มีการเดินทางกันเป็นจำนวนมาก ตรงนี้ก็อาจจะไม่เพียงพอและไม่ทันกับความต้องการของลูกค้าได้

This Site makes use of cookies. You should settle for our cookie plan for your very best working experience. You'll be able to learn more on how to alter your cookie environment within our cookie coverage listed here

นับตั้งแต่จักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายโลกตะวันออกมีความก้าวหน้าแซงโลกตะวันตก มาเป็นเวลานับพันปี แต่ความสำเร็จในการค้นพบเส้นทางไปอินเดียที่อยู่คนละทวีปของทั้งสเปนและโปรตุเกส กลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของโลกทั้งสองฝั่งให้ก้าวเดินคนละทาง

เหยื่อรายถัดมาคือพม่า สงครามทำให้อังกฤษได้ยึดดินแดนของพม่ามากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดพม่าก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอังกฤษอย่างสมบูรณ์ ต่อมาเป็นมาลัยาแต่เดิมบริเวณนี้เป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ เศรษฐกิจโลก 1000 ปี อังกฤษได้ครอบครองปีนังสิงคโปร์ แล้วครอบครองตลอดจนทั้งมาเลยา บัดนี้จักรวรรดิอังกฤษได้ครอบครองพื้นที่ไปทั่วทุกทวีปตั้งแต่แคนาดาในทวีปอเมริกาเหนือ กายอานาในทวีปอเมริกาใต้ และอื่นอื่นอีกมากมายในแต่ละทวีป จึงได้ชื่อว่าเป็นจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน

  ตั้งแต่มีมนุษย์เกิดมาบนโลกนี้มนุษย์ไม่เคยรู้มาก่อนว่า โลกทั้งหมดมีหน้าตาอย่างไร บางคนบอกว่าโลกแบน บางคนบอกว่าโลกกลม มีแผ่นดินเดียว แต่มีหลายมหาสมุทรล้อมรอบอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่มนุษย์จะค้นพบว่าขอบฟ้าบนโลกนี้มันมีที่สิ้นสุดตรงไหน สเปนซึ่งพัฒนาช้ากว่าโปรตุเกสในเรื่องการเดินเรือ หากจะเดินเรือไปทางใต้ของทวีปแอฟริกาก็เท่ากับตามหลังโปรตุเกส ในเวลานั้นมีนักเดินเรือหนุ่มชาวอิตาลีคนหนึ่ง มาเสนอแผนการเดินทางใหม่ไปยังทวีปเอเชียแด่กษัตริย์สเปน แทนที่จะเดินเรืออ้อมทวีปแอฟริกาแล้วหาทิศตะวันออกอย่างที่เคยเป็นมา ใช่คนนี้เสนอให้เดินทางไปทางทิศตะวันตกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ชายคนนี้มีนามว่า คริสโตเฟอร์โคลัมบัส

จุดที่ชอบมากจุดหนึ่งคือ จำนวนประชากรและขนาดเศรษฐกิจของประเทศในแต่ละยุคสมัย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เคยรู้มาก่อน เวลายกตัวเลขทำให้เห็นภาพชัดเจน แอบติงนิดนึงว่าบางบทพูดถึงตัวเลขเหล่านี้บ่อยเกินไป แม้ทำให้เปรียบเทียบง่าย แต่สูญเสียอรรถรสในการเล่า

ด้วยอาวุธปืนที่มีประสิทธิภาพกว่าอังกฤษทำสงครามชนะเนเธอร์แลนด์และได้ยึดครองเขตอาณาจักรของชาวดัตช์ในทวีปอเมริกา ยาสูบจึงกลายเป็นรายได้หลักของอาณานิคม ดินแดงอาณานิคมอเมริกาของอังกฤษค่อยๆขยายขึ้นจนเป็นสิบสามแห่งถูกปกครองโดยตรงจากอังกฤษ แต่อังกฤษก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ สภาได้ยื่นฎีกาเรียกร้องสิทธิ ซึ่งเรียกว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิ มีใจความสำคัญว่า ห้ามกะสัตว์ใช้อำนาจออกหรือยกเลิกกฎหมายใดๆโดยที่สภาไม่อนุมัติ ตั้งแต่นั้นมาอังกฤษจึงกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่มีกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ส่วนคอมนิวนิส นำโดยโซเวียต เป็นทั้งระบบเศรษฐกิจ และระบอบการปกครอง

  กำแพงเบอร์ลินคือสิ่งก่อสร้างที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ถึงการมีอยู่ของสงครามเย็น ความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจของสองขั้วอุดมการณ์ แบ่งทวีปยุโรปออกเป็นสองฝั่ง แบ่งเยอรมนีออกเป็นสองประเทศ และแบงก์เมืองหลวงออกเป็นสองเมือง รัฐบาลตัดสินใจสร้างกำแพงเบอร์ลินเพื่อแบ่งผู้คนจากเมืองเดียวกันให้แยกออกจากกันความขัดแย้งของสงครามเย็นลุกลามไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศเวียดนามคือศูนย์กลางความขัดแย้ง เวียดนามซึ่งเคยถูกยึดครองโดยประเทศญี่ปุ่นผู้แพ้สงครามถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ อยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศผู้ชนะสงครามเวียดนามเหนืออยู่ภายใต้อิทธิพลของจีน เวียดนามใต้อยู่ภายใต้อิทธิพลของอังกฤษ

สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นดินแดนแห่งนักประดิษฐ์ยังคงต่อยอดนวัตกรรมจากศตวรรษที่แล้ว มีการนำสายพานมาใช้ในการผลิตรถยนต์ โดยให้อุปกรณ์ไลฟ์ผ่านไปตามสายพานและให้คนงานประกอบรถยนต์ที่ละส่วน ทำให้สามารถออกแบบรถยนต์ที่มีราคาถูกและทนทานได้

อย่างไรก็ตามไม่เห็นด้วยกับคำโปรยหน้าปกที่บอกว่า “เรียนรู้อดีต เพื่อเข้าใจอนาคต” ในแง่ที่ว่าอดีตนั้นไม่สามารถเอาไปทำนายอนาคตได้ เพราะจากอดีตเองก็เห็นได้ว่ามันมีแต่ความไม่แน่นอน ไม่มีใครจะอยู่คับฟ้า ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน หรือไม่ได้สามารถบอกได้เลยว่าอำนาจนั้นจะล่มสลายเมื่อไหร่ จะมีอำนาจที่ไหนมาแทนที่

โซเวียตก็ให้ความช่วยเหลือประเทศพันธมิตรในยุโรปตะวันออก

และฟองสบู่ทางการเงินของฝรั่งเศส ถอยหลังและถดถอยอย่างร้ายแรง ผู้คนหวาดกลัวกับการใช้เงินกระดาษและเงินเฟ้อทำลายระบบเศรษฐกิจในทุกระดับ นับว่าวิกฤตเศรษฐกิจของฝรั่งเศสหนักหนาสาหัสกว่าอังกฤษมาก รัฐบาลไม่เหลือหนทางในการหาเงินอื่นอีกแล้วนอกจากการขึ้นภาษี ซึ่งผู้เสียภาษีของฝรั่งเศสก็คือชนชั้นที่สามซึ่งก็คือสามัญชนทั่วไป ในขณะที่ชนชั้นสูงยังคงใช้ชีวิตหรูหราในพระราชวังแวร์ซายน์ จนสุดท้ายประชาชนก็หมดความอดทน

แต่การกำเนิดของอเมริกาไม่ได้ทำให้อังกฤษเสื่อมถอยลง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *